ไมเกรน...ไม่น่ากลัว
โรคไมเกรน (MIGRAINE) เป็นโรคที่เกิดจากการบีบตัว และคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นอย่างรุนแรง และรวดเร็ว พร้อมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ในบางรายอาจมีอาการตาพร่ามัว หรือเห็นแสงระยิบระยับร่วมด้วย
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าอาการปวดศีรษะ เป็นอาการที่พบบ่อยในประชาชนทั่วไป อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ มากมาย ในทางการแพทย์แบ่งอาการปวดศีรษะออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- อาการปวดศีรษะชนิดเฉียบพลัน มักมีสาเหตุจากการอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณโพรงจมูก คอ ปาก หู และตา
- อาการปวดศีรษะเรื้อรัง ซึ่งมักมีสาเหตุใหญ่ๆ เพียง 2 ชนิด คือ
- โรคไมเกรน
- โรคปวดศีรษะจากความเครียด
ส่วนภาวะเนื้องอกในสมอง หรือการตกเลือดในสมองนั้น พบได้น้อยมากไม่ถึง 0.01% ของผู้ที่มีอาการปวดศีรษะทั้งหมด ดังนั้น ถ้าใครปวดศีรษะ และกังวลว่าตนเองจะมีเนื้องอกในสมอง หรือมีเลือดออกในสมอง มีโอกาสเป็นจริงน้อยมาก แต่มักจะปวดศีรษะจากความเครียด หรือโรคไมเกรนมากกว่า
โรคไมเกรน ไม่น่าจะจัดว่าเป็นโรค ถือเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงในสมองบีบตัวและคลายตัวมากกว่าปกติ ในคนปกติหลอดเลือดแดงเหล่านี้ซึ่งมีอยู่มากมายในสมอง ก็จะมีการบีบตัวและคลายตัวอยู่เป็นประจำ แต่ไม่มากจึงไม่รู้สึกปวดศีรษะ
อาการ
ประกอบด้วยลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจเป็นบริเวณขมับหรือท้ายทอย แต่บางครั้งก็อาจเป็นสองข้างพร้อมกัน หรือเป็นสลับข้างกันได้
- ลักษณะการปวดศีรษะส่วนมากจะปวดตุ๊บๆ นานครั้งหนึ่งๆ เกิน 20 นาที (ยกเว้นจะได้รับประทานยา) แต่บางครั้งถ้าเป็นรุนแรงอาจปวดนานเป็นวันๆ หรือสัปดาห์ก็ได้ผู้ป่วยบางรายอาจมีปวดตื้อๆ ในสมองก็ได้
- อาการปวดศีรษะมักเป็นรุนแรง และส่วนมากจะมีคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอโดยอาจเป็นขณะปวดศีรษะ ก่อนหรือหลังปวดศีรษะก็ได้ บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากจนรับประทานอะไรไม่ได้
- อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที เช่น เห็นแสงเป็นเส้นๆ ระยิบระยับแสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำหน้ามาก่อน
โรคไมเกรน พบบ่อยในผู้หญิงวัยสาวระหว่าง 20-40 ปี ในเด็ก และผู้สูงอายุ พบน้อย ผู้ชายพบว่าเป็นไมเกรนน้อยกว่าผู้หญิง 3-4 เท่าตัว แต่ถ้าผู้ชายเป็น มักมีอาการรุนแรงกว่า โดยมีอาการปวดตาข้างใดข้างหนึ่ง น้ำตาไหล ตาแดง ปวดรุนแรงมากติดต่อกันเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ และอาจเป็นซ้ำ บ่อยๆ ทุก 6-12 เดือน โรคไมเกรน พบบ่อยกับสมาชิกอื่นๆ ในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง เช่น แม่ น้องสาว น้า ป้า เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
- ภาวะเครียด
- การอดนอน
- การขาดการพักผ่อน หรือทำงานมากเกินไป
- ขณะมีระดู หรือรับประทานยาคุมกำเนิด
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์
- อาหารบางชนิด เช่น กล้วยหอม เนยแข็ง และช็อกโกแลต
ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไมเกรน จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงภาวะต่างๆ เหล่านี้ ผู้ป่วยทุกคนต้องสังเกตตนเองว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นการเกิดโรคไมเกรนในตนเองเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงและแก้ไขได้ตรงจุด
โรคไมเกรน ก่อให้เกิดภาวะปวดศีรษะเรื้อรังนานเป็นปีๆ บางรายอาจนานเป็นสิบๆ ปี จึงมักทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลว่า ทำไมตนเองจึงไม่ยอมหายจากภาวะปวดศีรษะนั้น และวิตกว่า จะมีความผิดปกติในสมองต่างๆ เช่น เนื้องอกหรือเลือดคั่งในสมอง หรือเกรงว่าจะเกิดอัมพาต หรือพิการตามมาภายหลัง ในกรณีนี้ จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะจากภาวะเครียดเพิ่มขึ้นมาทับถมอีก
การปวดศีรษะจากภาวะเครียดนั้น จะมีอาการปวดแบบตื้อๆ หนักศีรษะทั่วทั้งศีรษะ บางรายจะบอกว่าปวดเหมือนมีอะไรมาบีบรัดโดยรอบหัว อาการนี้จะเป็นมากตอนบ่ายๆ หรือสายๆ ช่วงเช้าไม่ค่อยปวด หลังนอนพักอาการจะดีขึ้น ทั้งนี้ เพราะเกิดจากการบีบเกร็งตัวของกล้ามเนื้อรอบศีรษะและบริเวณคอ
โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคไมเกรน จะไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการพิการหรือทุพพลภาพตามมาแต่อย่างใด อาการปวดศีรษะชนิดไมเกรนนี้จะลดความรุนแรงลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเลยวัยหมดระดูไปแล้ว จะพบผู้ป่วยไมเกรนน้อยมาก
โรคไมเกรน เป็นโรคที่วินิจฉัยได้ โดยการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด ไม่มีวิธีการวินิจฉัยทางอื่นใด ดังนั้นการเจาะเลือด เอกซเรย์ หรือการตรวจคอมพิวเตอร์สมองจึงไม่มีความจำเป็นต่อการวินิจฉัยโรค
การปวดศีรษะจากโรคไมเกรนนี้ มักรักษาไม่หายด้วยยาแก้ปวดพาราเซตามอล ยาที่ได้ผลดีคือ ยาแก้ปวดแอสไพริน ขนาด 2 เม็ด ในขณะปวด แต่ข้อระวังห้ามรับประทานแอสไพรินในขณะท้องว่าง และผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหารห้ามรับประทานแอสไพรินเด็ดขาด อาจเกิดเลือดออกในกระเพาะได้ ในผู้ป่วยที่ไม่แน่ใจว่า จะมีโรคกระเพาะหรือไม่ ให้รับประทานยาเคลือบกระเพาะอาหาร หรือนมร่วมด้วย ป้องกันการระคายเคืองของแอสไพรินต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- ‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ