‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
เหตุการณ์การทำร้ายตนเองและผู้อื่นที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผู้มีความผิดปกติทางจิต บางรายมีสภาวะจิตผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด หรืออาจเกิดจากความเจ็บป่วย แต่มีจำนวนไม่น้อยที่มีอาการมาจากการที่ร่างกายได้รับสารที่มีผลต่อจิต
มันอยู่ไหนนะ เจ้าสารพิษตัวร้าย
มีทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อาทิ ใบกระท่อมเห็ดเมา ใบฝิ่น (ใบยาสูบที่นำมาผลิตเป็นส่วนประกอบของบุหรี่ก็มีสารพิษนะครับ)
ส่วนสารสังเคราะห์และยา โดยเฉพาะยา อาจเป็นยาที่ใช้ในการรักษาพยาบาลทั่วไป เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาโรคจิตประสาท
สารสังเคราะห์ที่พบบ่อย คือ สารกล่อมประสาท ยากระตุ้นประสาท ยาเสพติดชนิดกินหรือฉีด และยารักษาโรคที่นำมาใช้ผิดวิธีเป็นต้น
สารที่มีผลต่อจิตประสาท แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 3 กลุ่ม คือ
1.สารกระตุ้นประสาท ที่พบบ่อย คือ ยากลุ่มแอมเฟตามีนหรือยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ยาเลิฟ ซึ่งเป็นสารที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกัน ออกฤทธิ์ต่อประสาทคล้าย ๆ กัน โดยกระตุ้นให้ไม่ง่วงนอน กระฉับกระเฉง มีแรงทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน รู้สึกเป็นสุข สนุกสนานมากกว่าปกติ ผลกระทบ อาจทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวายคลุ้มคลั่ง จนถึงชักเกร็งกระตุกได้ และที่น่ากลัวไปกว่านั้นวงการแพทย์พบว่ายาลดน้ำหนัก (กลุ่มเฟนเทอมีน) ที่คนทั่วไปนิยมใช้ อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงและมีผลกระทบคล้าย ๆ กับผู้ได้รับสารกระตุ้นประสาทข้างต้น
2.สารกดประสาท ที่พบบ่อย คือ ยากลุ่มยานอนหลับต่าง ๆ ยารักษาโรคจิตประสาทซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะกดประสาทร่วมด้วยยารักษาโรคลมชักบางตัว นอกจากนี้ยังรวมถึงยาเสพติดเช่น ใบกระท่อม ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน ผู้ที่ได้รับสารดังกล่าวจะง่วงนอน เคลิ้มฝัน เห็นภาพที่มีความสุข รู้สึกร่างกายเบาสบาย หากได้รับผลต่อเนื่องทำให้เกิดการติดยา การกดประสาทลึกเกินไปจนกดการหายใจ การเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงนอน การติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใช้ยาในรูปยาฉีดเข้าสู่ร่างกาย การตรวจสอบจากการตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือดสามารถนำมาใช้ในการวินิจฉัยชนิดของสารดังกล่าว
3.สารหลอนประสาท พบใน เห็ดเมา แอลกอฮอลล์ สาร GHB (Gamma hydroxybutylic acid) และโคเคน ผู้ได้รับสารจะมีอาการจิตหลอน เห็นภาพเสมือนจริง ภาพผิดธรรมชาติ ภาพหน้ากลัว รู้สึกตนเองใหญ่หรือเล็กกว่าปกติ จำสิ่งไปทำมาไม่ได้ หลงลืม ส่งผลให้เกิดอันตรายทั้งจากกรณีทีไปทำร้ายผู้อื่น หรืออาจเกิดความกลัวและหนีจากความกลัวจนเกิดอุบัติเหตุจากการปีน หกล้ม กระโดดจากที่สูง และอาจการติดเชื้อทางกระแสเลือดในกรณีใช้ฉีดสารเข้าทางกระแสเลือด
วิธีรักษาเป็นอย่างไรนะ
โดยปกติหากเกิดกรณีฉุกเฉิน จะต้องช่วยให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะสงบ จากนั้นจะช่วยในเรื่องการหายใจ ให้ยานอนหลับ ให้ยาระงับชัก ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาโดยการบำบัดระยะยาว ( สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับสารเสพติด) เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ
การรักษาสามารถทำให้หายขาดหรือไม่ อย่างไรและต้องอาศัยปัจจัยเรื่องใดบ้าง
ปัญหาการรักษาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต้องได้รับความร่วมมือจากครอบครัวจึงจะสำเร็จทั้งในด้านการสังเกตอาการของผู้ป่วยและการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ การพัฒนาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะชุมชนที่ผู้ป่วยอยู่อาศัย ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการดูแลรักษา
โปรดจำไว้นะครับ สารหรือยาทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ ไม่ควรใช้โดยไม่จำเป็น ถ้าจะให้ปลอดภัยแน่ ๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนและที่ลืมไม่ได้ คือ ยา สารพิษต่างๆ รวมถึงยาเสพติดมีอยู่รอบ ๆ ตัวเรา หากบ้านไหนมีลูกหลานตัวเล็ก ๆ อย่าประมาทเผลอวางยา หรือสารที่เป็นพิษในที่ที่พวกเขาเอื้อมถึง เพราะอาจส่งผลต่อชีวิตได้นะครับ
ที่มา : ผศ.นพ.ธีระ กลลดาเรืองไกร ภ.เวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
http://www.thaihealth.or.th/Content/27563-%E2%80%98%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E2%80%99%20%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95.html
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ
- ข้อควรรู้ คุุณและโทษของ ‘เมือกหอยทาก’