รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด

by kadocom @12-1-58 10.29 ( IP : 1...18 ) | Tags : มุมวิชาการ
photo  , 500x333 pixel , 64,761 bytes.

ใครเป็นพ่อเป็นแม่คนก็คงแทบช็อกกันทั้งนั้น หากรู้ว่าลูกติดยาเสพติด...แต่ว่าไปแล้วรู้ยังดีกว่าไม่รู้ เพราะรู้แล้วยังหาทางทางแก้ไขได้ ไม่ว่าจะยากง่ายแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อรู้ทันท่วงที แต่คำถามคือพ่อแม่จะรู้ได้อย่างไร ไม่ใช่ง่ายเลยในยุคปัจจุบันที่พ่อแม่จะรู้ว่าลูกติดยาเสพติดหรือไม่


          เพื่อนคุณแม่ท่านหนึ่งมาหารือถึงเรื่องร้อนใจที่วันหนึ่งพบว่าลูกเสพยาเสพติด เธอเสียใจมากที่รับรู้เรื่องนี้ เพราะลูกชายวัย 14 ปีของเธอก็ปกติดีทุกอย่าง เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ อยู่ในครอบครัวดี เรียนหนังสือดีอยู่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้วย จึงไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้


          เธอเล่าให้ฟังว่าเธอจับได้ว่าลูกเสพยาก็จากโทรศัพท์มือถือ เธอไปเห็นข้อความโดยบังเอิญ แต่ไม่แน่ใจ จึงหาโอกาสแอบอ่าน และในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้นจริง เพราะลูกชายของเธอไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เธอตัดสินใจคุยกับลูกตรง ๆ ลูกของเธอบอกว่าไม่ได้เสพติด เพียงแค่อยากลอง และเพื่อนๆ ของเขาก็ลองกันทั้งนั้น ไม่เป็นไรหรอก รับรองได้ว่าไม่ติดแน่นอน


          นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ มีหลายตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเด็กวัยรุ่น ทั้งยังมีข่าวคราวเรื่องพบคนเสพยาจำนวนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ดาราหรือนักร้อง ที่ตกเป็นกระแสสังคมด้านลบบ่อยครั้ง


          เรื่องยาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดีก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ภาพการกวาดจับแก๊งยาเสพติด เอเย่นต์ และผู้เสพยาจำนวนมากก็ถูกจับมาแถลงข่าวออกสื่ออย่างสม่ำเสมอ ที่น่าประหลาดใจ ก็คือ ทุกคนรู้ดีว่ายาเสพติดเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรเข้าไปยุ่ง ทั้งยังมีผลเสียผลกระทบที่ตามมาก็มากมายเหลือเกิน แต่เราก็กลับพบว่าตัวเลขของผู้เสพยาเสพติดกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนปราบเท่าไรก็ไม่หมดสักที อีกทั้งแนวโน้มตัวเลขของเด็กและเยาวชนที่ติดสารเสพติดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหากหนำซ้ำชนิดของยาเสพติดก็ผุดขึ้นอีกมากมายราวกับดอกเห็ด เมื่อก่อนเราจะคุ้นกับชื่อยาเสพติดไม่กี่ชนิด แต่ปัจจุบันมีชนิดและจำนวนมากมายจนถึงกลับจำชื่อได้ไม่หมดกันเลยทีเดียว


          เมื่อก่อนภาพของเด็กและเยาวชนที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมีปัญหา เป็นเด็กที่ครอบครัวแตกแยก หรือมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง จนทำให้ชีวิตเดินหลงทาง แต่ปัจจุบันเกิดกลุ่มที่อยากลองเสพ ที่มีทั้งที่เสพตามเพื่อน เสพตามกระแส หรือถูกปลุกเร้าจากผู้ค้า หรือกระทั่งเลียนแบบดารา หรือนักร้องบางคนที่เสพยา


      ปัจจุบันผู้ค้าพยายามจะสร้างตลาดใหม่ และหาลูกค้าหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักเรียน ถึงขนาดเข้าไปภายในโรงเรียนกันอย่างไม่ยี่หระ จากเดิมที่เจาะกลุ่มเด็กที่มีปัญหาครอบครัวและกลุ่มเด็กที่ฐานะยากจน แต่ปัจจุบันผู้ค้าหันไปเจาะกลุ่มเป้าหมายในโรงเรียน และเริ่มประชิดกลุ่มเด็กชนชั้นกลางหรือมีฐานะ เพราะกลุ่มเด็กและเยาวชนเหล่านี้มีกำลังซื้อ รูปแบบของการค้ายาเสพติดเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วพอๆ กับชนิดของสารเสพติด ยิ่งเข้าสู่โลกออนไลน์ การติดต่อซื้อขายผ่านโลกออนไลน์กลายเป็นง่ายขึ้นอีกต่างหาก ตัวอย่างของคุณแม่ข้างต้นสะท้อนครอบครัวคนเมืองชนชั้นกลางอย่างได้เป็นอย่างดี โปรดอย่าคิดว่าลูกของเราอยู่ในสายตาไม่มีทางที่จะมีโอกาสเสพยาเสพติดได้เลย ยามเมื่อเขาไปโรงเรียนหรืออยู่กับเพื่อ คุณแน่ใจหรือว่าลูกของคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับสารเสพติด ?


    ฉะนั้น จึงอยากชวนพ่อแม่เป็นนักสังเกตการณ์ และป้องกันไม่ให้ลูกหลานของเราตกเข้าไปอยู่ในวังวนของยาเสพติด หนำซ้ำปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยร้ายปัญหาใหม่อีกก็ได้ วิธีสังเกตว่าลูกของเราเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ต้องเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ในครอบครัวที่เป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่ใกล้ชิดลูกอยู่แล้ว เวลาลูกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จะพบเห็นได้เร็ว และจะสามารถรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าด้วย


      ข้อแรก พ่อแม่ต้องเข้าใจธรรมชาติของลูกก่อนว่ามีพื้นฐานนิสัยอย่างไร อยากรู้อยากเห็น ชอบลุ้นชอบลองชอบเสี่ยงหรือไม่ หรือเป็นเด็กประเภทโดนใครท้าไม่ได้หรือเปล่า ถ้าเข้าข่ายเหล่านี้ก็อาจต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด


      ส่วนวิธีการจับตาอย่างใกล้ชิด ต้องไม่ใช่วิธีการจับผิดทุกฝีก้าว เพราะจะยิ่งทำให้เด็กถอยห่างจากเรา ถ้าเด็กเขารู้ว่าพ่อแม่จับผิด เขาจะเริ่มโกหกและไม่พูดความจริงกับพ่อแม่


      ข้อสอง ต้องสังเกตพฤติกรรมของลูกว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนไปหรือไม่ เช่น การใช้เงินของลูกผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด อาจจะมีการขอพ่อแม่ ผู้ปกครองเพิ่มเติมเป็นพิเศษ แต่พ่อแม่ก็ไม่ควรบุ่มบ่ามตำหนิ แต่ควรจะถามไถ่ว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องใช้เงิน แล้วค่อยๆ สังเกตความเป็นไปว่ามีการใช้เงินที่ผิดปกติหรือเปล่า


      ข้อสาม ควรสังเกตเรื่องสุขภาพร่างกายว่าปกติดีหรือไม่ ไม่ซูบผอมหรือมีความผิดปกติ ส่วนสุขภาพใจมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายหรือไม่ คนที่เสพยาอาจจะเก็บตัว หรือมีอาการซึมเศร้าปนด้วย


      ข้อสี่ ลูกติดเพื่อนหรือชอบไปนอนบ้านเพื่อนหรือไม่ สิ่งสำคัญพ่อแม่ควรผูกสัมพันธ์กับเพื่อนของลูกด้วย อาจชวนเพื่อนลูกมาบ้าน เรียนรู้จักเพื่อนของลูก การรู้จักเพื่อนของลูกจะทำให้เราพอมองออกว่าลูกของเราชอบคบเพื่อนแบบไหน และบางกรณีอาจจำเป็นต้องให้เพื่อนลูกช่วยด้วย


      ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อสังเกตเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือสัมพันธภาพในครอบครัวเป็นอย่างไร ถ้าใช้สายตาที่เป็นธรรมในการสำรวจดูว่าสัมพันธภาพในครอบครัวเป็นไปได้ด้วยดี ครอบครัวใกล้ชิด ผูกพันกัน มีความเข้าอกเข้าใจกัน ก็เป็นเหมือน “วัคซีนใจ” ในระดับสำคัญที่สุดแล้วล่ะค่ะ


      แต่อย่าลืมว่าวัคซีนไม่ว่าประเภทไหนมีระยะป้องกันชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ต้องหมั่นฉีดอยู่เป็นระยะๆ ไม่ให้ขาดนะวัคซีนใจก็เช่นกันค่ะ



      ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการ

      ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

http://www.thaihealth.or.th/Content/26997-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94.html

นายแพทย์ธวัช ลาพินี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล