9 เทคนิคฉุดตัวเองออกจาก "ความโกรธ"
"โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" วลีนี้มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยคนที่มีอารมณ์โกรธและโมโหจนไม่สามารถควบคุมสติและอารมณ์ได้ ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบัน ดูเหมือนเราจะได้รับการกระตุ้นให้เกิดความโกรธได้ง่ายเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องงาน และความไม่ได้ดั่งใจของคนในบ้าน
วันนี้มีคำแนะนำดีๆ จาก พิทยา ผึ่งกรรฐ์ นักจิตวิทยาโรงพยาบาลมนารมย์มาฝากกัน โดยเธอเริ่มต้นบอกถึงพิษของความโกรธว่า มีแนวโน้มแสดงออกได้ทั้งแบบก้าวร้าวต่อตนเอง และก้าวร้าวต่อผู้อื่น หากไม่เข้าใจไม่ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้นและเก็บกดไว้ความโกรธยังไม่หายไปไหน และกลับมาเป็นความก้าวร้าวกับตนเองได้
ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งอาจไม่พอใจเจ้านาย และแสดงพฤติกรรมในทางที่ทำให้เกิดผลเสียต่อตนเองได้ อาทิ การมาทำงานสายการไม่ส่งงานการนอนมากเกินไปจนมาทำงานไม่ทันหรือการแสดงออกในแบบก้าวร้าวซึ่งอาจส่งผลให้ถูกออกจากงานได้หรือทำให้เกิดปัญหาในการทำงานซึ่งทำให้เป้าหมายในชีวิตไม่เป็นตามที่ตั้งใจไว้
นอกจากนี้ การก้าวร้าวกับผู้อื่นมีผลให้สูญเสียความสัมพันธ์ เสียภาพพจน์หรือเสียชื่อเสียงขาดความน่าเชื่อถือหรือหากรุนแรงมากเกิดทำร้ายกันก็ทำสูญเสียทั้งร่างกาย และทรัพย์สินได้
ดังนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้อ่านฉุดตัวเองออกจากวงจรความโกรธ นักจิตวิทยาท่านนี้ ได้แนะเทคนิคไว้ 9 ข้อดังต่อไปนี้ เริ่มจาก
ตระหนักรู้อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้น ร่างกายของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หัวใจเต้นมากขึ้น รู้สึกร้อนๆ บริเวณใบหน้า การหายใจสั้นลง
ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้น ช่วยให้ความโกรธลดลงเพราะการยอมรับทำให้ความโกรธลดลงอันนี้ต้องลองทำกันดูหากเรายิ่งโทษสิ่งแวดล้อมแน่นอนว่ามีปัจจัยต่างๆที่ทำให้โกรธแต่เราอาจมีประสบการณ์ว่ายิ่งเราหาคนมารับผิดชอบกับความรู้สึกของเราความโกรธก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
หายใจเข้าออกลึก ๆ ผ่อนคลายตนเอง อาจเป็นการพูดคุยระบายกับคนที่คุณไว้ใจ หรือหากหาคนรู้ใจไม่ได้ ก็หาทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง ไปเที่ยว
รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อย่าหวั่นไหวกับความเห็นของผู้อื่น หรือรู้สึกด้อย
ใช้ I message บอกกับคู่สนทนาว่า คุณคิดอย่างไร "ดิฉันคิดว่า…" "ดิฉันอยากเสนอว่า…." หรือ "ขอเสนอความเห็นว่า…."
ดำเนินการสนทนาไปเรื่อยๆ
หากรู้สึกควบคุมไม่ได้ ให้ออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน และควรขอตัวคู่สนทนา อาจบอกวันนี้ขอคุยเรื่องนี้เพียงเท่านี้ก่อน
ปรับเปลี่ยนความคิด คิดแบบใดก็ได้ที่ทำให้โกรธน้อยลงการขัดแย้งหลายครั้งก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพราะความโกธรที่เกิดขึ้นนั้นมีประโยชน์ทำให้เรารับรู้ว่าเราถูกล่วงละเมิดสิทธิเกิดอันตรายทัศนคติที่ดีของพ่อแม่ที่มีต่อความโกรธสามารถมีผลต่อวิธีการเลี้ยงลูกเมื่อเห็นลูกโกรธแล้วทำลายข้าวของให้ถือเป็นโอกาสสอนลูกว่าตอนนี้เขากำลังโกรธลองพาลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สร้างสรรค์แทน
หลีกเลี่ยงการนินทา เพราะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและเกิดความขัดแย้งมากขึ้นอย่างไรก็ดี นักจิตวิทยารายนี้ ทิ้งท้ายว่า ความโกธรถือเป็นธรรมชาติของชีวิตที่เกิดขึ้นได้เสมอและหลายครั้งก็นำไปสู่การสร้างสรรค์ได้ เมื่อเกิดความโกรธก็ให้ถือว่าเป็นโอกาสที่ได้ฝึกฝนตนเองยิ่งคุณจัดการอารมณ์ได้ดีเท่าใดจะทำให้คุณมีความมั่นใจในตนเองเกิดความนับถือตนเองมากขึ้นลดปัญหาความยุ่งยากที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นได้เพื่อให้เรามุ่งไปยังเป้าหมายในชีวิตของตนเองอย่างราบรื่น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- ‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ