ถนอมสายตา เมื่อต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์
คนทำงานยุคไอที ที่วันๆ ต้องนั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์นานกว่า 3 ชั่วโมง หลายคนจะมีอาการกล้ามเนื้อตาล้า เบลอ หรือรู้สึกปวดกระบอกตา แสบตา ตาแดง น้ำตาไหล บางคนอาจจะมีต้อลมมาซ้ำเติม บางคนมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ร่วมด้วย
นี่ยังไม่นับรวมอาการปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง คลื่นไส้ วิงเวียน อาการเหล่านี้แม้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็บั่นทอนคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานลงมากทีเดียว
คุณอาจนึกไม่ถึงว่าผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ นัยน์ตาจะเคลื่อนไหวไปมาถึงประมาณ 30,000 ครั้งต่อวัน ดังนั้นผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ จึงควรถนอมสายตาให้ดี
อาการที่นัยน์ตาถูกใช้งานอย่างหักโหม ได้แก่
การมองเห็นสี
หากลองมองไปที่อื่นหลังจากที่มองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จะรู้สึกว่าการมองเห็นสีนั้นยากขึ้น ปรากฏการณ์นี้เกิดจากปริมาณของสีเคมีพิเศษที่อยู่ในจอตาหรือจอรับภาพลดลง อย่างไรก็ตามนัยน์ตาก็จะสร้างสีให้เกิดใหม่ได้ในไม่ช้า หลังจากที่สีเคมีดังกล่าวหายไปชั่วขณะหนึ่ง
การมองเห็นภาพซ้อน
กล้ามเนื้อตาจะรวมภาพที่จุดๆ หนึ่ง แต่เหมือนกับมีบางสิ่งมาอยู่ใกล้ๆ กับจุดโฟกัสนั้น เมื่อเราพยายามมอง ก็จะทำให้เกิดเป็นภาพซ้อน ซึ่งมักพบได้บ่อยๆ การเห็นภาพซ้อนบางครั้งก็ไม่รู้สึกหรือไม่เกิดขึ้นโดยตรง แต่จะรู้สึกปวดหัวหรือเกิดอาการล้านัยน์ตา หากเห็นภาพซ้อนอยู่เรื่อยๆ ควรปรึกษาจักษุแพทย์
ปัญหาในการโฟกัส
หากกล้ามเนื้อตาต้องถูกใช้งานอย่างหนักโดยการทำงานซ้ำๆ เช่น เพื่อเลื่อนโฟกัสมองตามตัวอักษรที่พิมพ์ หรือกวาดสายตาตามตัวอักษรที่อ่านบนจอภาพ หรือการจ้องมองอยู่ที่โฟกัสเดิมเป็นเวลานานๆ ก็เป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อตาเกิดอาการล้าหรือตึงเครียด และอาจทำให้สายตาหรือกล้ามเนื้อตาเสื่อมลง ทำให้ความสามารถในการกำหนดโฟกัสของสายตาแย่ไปด้วย
อาการปวดหัว
เมื่อต้องใช้สายตาอย่างหนักในการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจจะเกิดอาการปวดหัว พบมากที่บริเวณขมับ ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณคอและศีรษะเกิดความตึงเครียด อาการปวดหัวอาจไม่ได้เกิดจากความเมื่อยล้าของนัยน์ตาโดยตรง แต่เป็นผลข้างเคียงจากความพยายามจ้องมองในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม คนที่สายตาสั้นจะปวดหัวและมีอาการเมื่อยล้านัยน์ตาได้ง่าย
วิธีการถนอมสายตาเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์
1.ควรเลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา วิธีทดสอบง่ายๆ ทำได้โดยลองปิดสวิตช์จอภาพ แล้วเอามือหรือแขนไปจ่อไว้ใกล้ๆ จอภาพให้มากที่สุด จอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่ผิว
2.ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา รวมทั้งความสว่างภายในที่ทำงาน ลดแสงสะท้อนรบกวน เช่น ปิดไฟดวงที่สะท้อนจ้าลงบนจอคอมพิวเตอร์ หากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าและจอภาพมีความสว่างมาก ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อดวงตาได้ง่ายและรวดเร็ว จะรู้สึกว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตาอย่างรุนแรง
3.ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว หรือประมาณช่วงแขนเอื้อม และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา หากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย
4.การใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะช่วยลดการกระจายรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่คุณภาพของสินค้า แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลงได้
5.ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนมากขึ้น
6.การหยุดพักหรือเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานใหม่ จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องเพ่งคอมพิวเตอร์ได้ The National Institute of Occupational Safety and Health (NIOSH) แนะนำให้หยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็แนะนำว่าควรจะหยุดพักบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย เช่น พักสายตาทุก 30 นาที โดยหลับตาหรือมองไปไกลๆ สัก 5-10 นาที แล้วจึงเริ่มทำงานต่อไป ก็จะช่วยถนอมสายตาได้
7.อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ วางไว้บนเปลือกตา และหลับตาสัก 2-3 นาที หรือจะให้ดีกว่านั้นก็คือ ปิดไฟ นอนพักสักครู่ (ถ้าไม่มีปัญหากับหัวหน้างาน)
8.สำหรับผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ อาจจะเกิดอาการตาแห้งเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง เพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ก็มักจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่ด้วย เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำให้อากาศแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยได้
9.ควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก
10.ผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ และมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรตรวจเช็กสุขภาพตาบ้าง
นอกจากนี้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทิ้งเรื่องเครียดๆ ไว้ที่ทำงาน ก็จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น หายเหนื่อยเมื่อยล้า พร้อมสู้งานในวันถัดไปได้
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- ‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ