การสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิง (คุณสยาม มุสิกไชย)
การสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิง
ปัจจุบันพบว่าบุหรี่ได้แพร่เข้าไปถึงกลุ่มเยาวชนเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น
อีกในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับประชาชนของชาติ ดังนั้น การที่จะดำเนิน
กิจกรรมใดที่จะช่วยเหลือ ดูแลเขาเหล่านั้นเพื่อลดอันตราย ที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ จึงควร
เริ่มต้นที่เยาวชน ก่อนอื่นคงต้องมาศึกษาถึงธรรมชาติของเด็กกับการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง
เพื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือป้องกันเด็กให้ปลอดภัยจากบุหรี่
บุหรี่นับเป็นยาเสพติดที่ประชาชนทั่วไปมักมองข้ามถึงภัยอันตราย แต่แท้ที่จริงแล้ว
บุหรี่มีโทษอย่างมหันต์ต่อผู้สูบและบุคคลข้างเคียง และยังถูกประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1996
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าบุหรี่เป็นยาเสพติดอย่างหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทยากระตุ้นประสาท
ส่วนกลาง ขึ้นบัญชีเป็นยาเสพติดเทียบเท่าสุรา โคเคน และเฮโรอีน (ทรงเกียรติ, 2540) ซึ่งพบว่า
จากการสูบบุหรี่ของประชาชนทั่วโลกส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชากรโลก ทำให้มีคนตาย
อันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ปีละ 5 ล้านคน หรือตายถึงนาทีละ 9 คน หากใน 20 ปีข้างหน้าไม่มี
การดำเนินการใด ๆ ประชากรโลกจะเสียชีวิต และพิการจากการสูบบุรี่เป็นอันดับหนึ่ง
การสูบบุหรี่ สำหรับประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจในปี 2544 พบว่า ประชากรไทย
ที่มีอายุตั้งแต่ 11 ปี ขึ้นไปทั้งประเทศ มีประมาณ 51.3 ล้านคน เป็นผู้สูบบุหรี่ 12.0 ล้านคน (ร้อยละ 23.4) ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำหรือสูบทุกวัน 10.6 ล้านคน (ร้อยละ 20.6) เป็นผู้ชาย
ประมาณ 10 ล้านคน ผู้หญิง 6 แสนคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่สำรวจเมื่อ พ.ศ. 2542 ถึง 4 แสนคน และกลุ่มประชากรที่สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นคือ วัยรุ่น โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง ซึ่ง 2 ใน 3 ของผู้ที่เสพติดบุหรี่
เริ่มติดบุหรี่ก่อนอายุ 19 ปี กว่าร้อยละ 90 หรือกว่า 9 ล้านคน ที่เสพติดบุหรี่ ขณะนี้ เสพติดก่อนอายุ 24 ปี ปรากฏว่าอายุเฉลี่ยที่เริ่มติดบุหรี่เพียงอายุ 18.5 ปีเท่านั้น แต่อายุเฉลี่ยของผู้ที่เลิกบุหรี่ได้คือ 41.9 ปี นั้นหมายความว่าการสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุยังน้อยจะเลิกยาก (พนิตย์, 2546) ซึ่งสำรวจพบว่า
ผู้เสพติดบุหรี่ดังกล่าวจะสูบบุหรี่เฉลี่ย 10.6 มวนต่อวัน โดยค่าใช้จ่ายของผู้สูบบุหรี่ประจำ ประมาณวันละ 11 บาทต่อคน นั้นหมายความว่าผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำจะซื้อบุหรี่สูบเป็นเงินกว่า 4 พันบาทต่อปี ดังนั้นโดยเฉลี่ยผู้สูบบุหรี่จะสูบบุหรี่ประมาณ 21.5 ปี ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อบุหรี่เป็นเงินทั้งสิ้น 86,000 บาทต่อคน กว่าจะเลิกบุหรี่สำเร็จและหากมีผู้สูบบุหรี่เป็นประจำ 10.6 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2544 ที่ผ่านมา ประมาณการระยะเวลาที่สูบบุหรี่ 21.5 ปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลที่ต้องใช้จ่ายให้กับสิ่งที่ทำลายสุขภาพ ด้วยเหตุนี้การให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้สูบบุหรี่ให้เกิดความตื่นตัวรับรู้และตระหนักถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่จึงเป็นความจำเป็น
-2-
รู้เข้าใจภัยบุหรี่
สิ่งที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ ติดบุหรี่คือสารนิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในใบยา
ที่เราเรียกชื่อต่าง ๆ กัน เช่น บุหรี่ ซิการ์ หรือยาเส้น นิโคตินเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท
ส่วนกลางและยังทำให้เกิดโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอัมพาต และโรคปอด จากการศึกษาพบว่า การสูบบุหรี่เท่ากับเป็นการอัดสารนิโคตินเข้าสู่ปอดโดยตรง แล้วมุ่งสู่สมองทันที
ภายในระยะเวลาเพียง 8 วินามีเท่านั้น (ทรงเกียรติ, 2540) ทำให้นิโคติน (Nicotine) ออกฤทธิ์ต่อสมองได้อย่างรวดเร็ว เด็กจึงสามารถติดบุหรี่ได้ภายในไม่กี่วัน แม้เพียงการสูบมวนแรก โดยเด็ก
ในกลุ่มสำรวจ 332 คน ที่ลองสูบบุหรี่ครั้งแรก ๆ ถึงร้อยละ 40 ที่มีอาการติด บางคนสูบแค่ 2 มวนต่อสัปดาห์ก็มีอาการติดแล้ว และในกลุ่มสำรวจถึง 2 ใน 3 การติดบุหรี่ที่เกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะสูบเป็นประจำเสียอีก แสดงให้เห็นว่าการติดบุหรี่เกิดขึ้นได้ก่อนที่ร่างกายจะไม่สามารถต้านทานฤทธิ์สารนิโคตินในบุหรี่/ทั้งนี้ เพราะสารนิโคตินที่เข้าไปในศูนย์สมองต่าง ๆ ถูกแพร่ไปยังระบบประสาท ที่สำคัญจะไปกระตุ้นสื่อเคมี โดปามีน (Dopamine) นอร์แอดรีนาลีน (Noradrenalin) และซีโรโตนิ(Serotonin) ให้หลั่งออกมามากไม่แตกต่างจากยาบ้า หรือโคเคน (ทรงเกียรติ, 2540)
ในบุหรี่ 1 มวลจะมีสารนิโคตินอยู่ประมาณ 1 มิลลิกรัม แม้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกทำลาย
ในเวลานอนหลับระดับนิโคตินจะลดต่ำลงมาก ครั้นพอตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า จะมีอาการขาดยาสำแดงออกมาก จะต้องจุดบุหรี่สูบก่อนจะทำภารกิจอย่างอื่น ดังนั้น การสูบบุหรี่มวนแรกหลังตื่นนอนจึงทำให้กระปรี่กระเปร่าสดชื่น คลายเครียด มีอารมณ์ดี แต่พอสูบมวนต่อ ๆ ไปกลับมีผลไม่ดีเท่าที่ควร เพราะร่างกายดื้อยาเสียแล้ว สำหรับอาการขาดยานั้นคือ ผู้สูบจะรู้สึกหงุดหงิด ไม่มีสมาธิ เกิดความหิว กินจุกกินจิก เกิดความเศร้า บางครั้งก็มีอาการเซ็งเกิดขึ้นด้วย อยากแต่จะสูบบุหรี่ นอนไม่ค่อยหลับ กลายเป็นคนใจร้อน และรู้สึกสับสนในบางคราว อาการขาดยานี้จะเริ่มต้นค่อนข้างเร็ว แต่จะมีอาการสูงสุดหลังวันที่หนึ่งหรือวันที่สองของการหยุดเสพ และจะมีต่อเนื่องกันไปถึงสองหรือสามสัปดาห์ที่เดียว ซึ่งรายงานการวิจัยชิ้นหนึ่ง ถามผู้ติดยาเสพติดว่า ยาอะไรหยุดง่ายที่สุดและยากที่สุด ปรากฏว่าร้อยละ 57 ของผู้ที่ตอบคำถามตอบว่าบุหรี่หยุดยากที่สุด ยากกว่ายาเสพติดชนิดอื่นทั้งสิ้น
การสูบบุหรี่ไม่ใช้ได้รับสารนิโคตินเท่านั้น แต่ยังได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
(Carbonmonoxide) และก๊าซพิษอย่างอื่นด้วย ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์นี้จะทำหน้าที่ขัดขวาง
ไม่ให้เม็ดเลือดในร่างกายรวมกับออกซิเจน ซึ่งเป็นก๊าซสำคัญที่ร่างกายต้องการไปแจกจ่ายให้แก่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มันสามารถทำให้ออกซิเจนในร่างกายลดน้อยลงถึงร้อยละ 15 ทีเดียว
ร่างกายจึงต้องทำงานทดแทนออกซิเจนที่ลดน้อยลง โดยปอดและหัวใจจะทำงานเพิ่มขึ้น จนเกิดเป็นโรคหัวใจโรคปอดพิการคือหายใจติดขัด เนื้อปอดตีบตัน นั้นเอง แต่ก๊าซที่น่ากลัวที่สุดจากการ
-3-
สูบบุหรี่คือเขม่าควันดำของทาร์ (Tar) หรือที่ภาษาไทยแปลว่าน้ำมันดิน เขม่าทาร์พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในปอด มะเร็งในปอดเป็นอันตรายมาก สามารถคร่าชีวิตคนได้ในระยะเวลา 1 ปีครึ่งเท่านั้น (ทรงเกียรติ, 2540)
พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิง
ทั้งที่บุหรี่ส่งผลอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพดังที่กล่าวมา แต่จำนวนของผู้สูบบุหรี่ยังคงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 90 ของผู้สูบบุหรี่ เริ่มสูบบุหรี่ก่อนหรือเมื่อมีอายุ 18 ปี ทำให้เยาวชนในปัจจุบันยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเริ่มต้นทดลองสูบบุหรี่อยู่เสมอ ด้วยลักษณะเฉพาะของวัยรุ่นที่เป็น วัยอยากรู้
อยากลอง วัยของความสนุกสนาน วัยของการต้องการการยอมรับทั้งในกลุ่มเพื่อนและในสังคม
วัยที่ต้องการแสดงออกซึ่งตัวตนอย่างเต็มที่และวัยที่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ร่วมกับปัจจัยแวดล้อม(สถาพร,2547) ทั้งสื่อข้ามชาติที่มาในรูปของนิตยสาร เคเบิลทีวี สื่อจากภาพยนต์ ดาวเทียม ซึ่งยังไม่มีกฎหมายควบคุม (จรัล, 2546) อีกทั้งกลุ่มเพื่อนที่ชักจูง หรือทำแบบอย่างให้เห็นอยู่เสมอ มีอิทธิพลสูงมากที่จะทำให้เพื่อนคนอื่น ๆ หันมาสูบบุหรี่ (Bjorkqvist,kaj;Batman,Annica; -Aman-Back, Susang, 2004)
สำหรับเด็กผู้หญิงยิ่งมีพ่อแม่ที่สูบบุหรี่ด้วยแล้ว เด็กจะได้รับอิทธิพลและแบบอย่าง
เหล่านั้น จากพ่อแม่ทำให้กลายเป็นเด็กที่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะแบบอย่างของแม่ที่สูบบุหรี่ให้บุตรสาวเห็น จะยิ่งทำให้เด็กผู้หญิงสูบบุหรี่ (Mary Ann, 2003) หรือการที่เด็กวัยรุ่นผู้หญิงมีปัญหาสุขภาพจิตกลุ่มใจ เครียด มีเวลาว่าง ก็เป็นแรงผลักดันให้สูบบุหรี่ได้เช่นกัน (อัจราวรรณ, ) และพบว่า 6 ตัวแปรหลักที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงได้แก่
1. จำนวนเพื่อนสนิทที่สูบบุหรี่
2. ความรู้สึกผูกพันต่อบิดามารดา
3. ความรู้สึกผูกพันต่อครูและโรงเรียน
4. ความยึดมั่นผูกพันต่อกิจกรรมที่สังคมยอมรับ
5. ความเชื่อในบรรทัดฐานและกฎเกณฑ์ของสังคม
6. ทัศนคติของวัยรุ่นหญิงต่อการสูบบุหรี่ของผู้หญิง
โดยที่จำนวนเพื่อนสนิทที่สูบบุหรี่ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงสูงที่สุด
(ธิติ,2538) ซึ่งเพื่อนจะเป็นผู้ชักชวนให้สูบ ทั้งนี้เพราะวัยรุ่นในระยะนี้มักจะเผชิญกับความกดดัน
ให้สูบบุหรี่ เพราะเด็กจะห่างจากครอบครัว และใกล้ชิดกับเพื่อนมากขึ้น อีกทั้งมักจะมีพฤติกรรมที่ต่อต้านผู้ใหญ่ ชอบทำในสิ่งที่ท้าทาย แรงกดดันจากเพื่อนจึงมักจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขา
สูบบุหรี่ วัยรุ่นหญิงที่สูบบุหรี่จึงมักมีเพื่อนผู้หญิงที่สูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังมีรายงานจากศูนย์วิจัย
-4-
นโยบายการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าเด็กผู้หญิงที่เห็นความผอมเป็นสิ่งสำคัญ มีแนวโน้มที่อยากจะสูบบุหรี่เป็น 4 เท่าของคนทั่วไป และเด็กผู้หญิงที่ติดบุหรี่แล้วจะเลิกได้ยากกว่าเด็กชาย ทั้งนี้เพราะคิดว่าตนสามารถเลิกบุหรี่ได้ แต่มีเพียงแค่ร้อยละ 3 เท่านั้น ที่ประสบความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่ ด้วยเหตุดังกล่าวมา จึงน่าจะหันมาให้ความสำคัญในกลุ่มของผู้สูบบุหรี่ในเพศหญิงที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เป้าหมายการลด ป้องกันหรือทำให้กลุ่มเด็กผู้หญิงเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้เพราะกลุ่มเยาวชนล้วนแล้วแต่เป็นพลังสำคัญของชาติ หากเยาวชนติดสิ่งเสพติดการพัฒนาคน พัฒนาประเทศก็หยุดชะงัก บุหรี่เป็นยาเสพติดด่านแรก เมื่อสูบจนติดแล้วมักจะชักนำเยาวชนให้หันไปเสพยาเสพติดตัวอื่น ๆ ต่อไป เยาวชนที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเสพยาเสพติดอื่น ๆ ได้มากกว่าเยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่ได้ถึง 10 เท่า หรือมากกว่านั้น
(ทรงเกียรติ, 2540)
เมื่อเข้าใจภัยบุหรี่
เมื่อรู้ดั่งนี้แล้ว จึงควรตระหนักในพิษภัยของบุหรี่ที่ส่งผลอันร้ายแรงต่อสุขภาพ
ส่วนบุคคล ครอบครัว และการสูบเสียเงินในทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เยาวชนของชาติที่สูบบุหรี่มีสุขภาพไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามปกติ ติดสารเสพติดอื่นตามมา ส่งผลโดยรวมต่อประเทศชาติ การรณรงค์เพื่อป้องกันการสูบบุหรี่ จึงควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งหญิง ชาย และให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของการสูบบุหรี่ควบคู่กับการเปลี่ยนความเชื่อหรือทัศนคติต่อการสูบบุหรี่ด้วย แต่ก็ไม่ทอดทิ้งผู้สูบบุหรี่ โดยเฉพาะผู้ที่มีความพยายาม หรือความคิดที่เลิกสูบบุหรี่ แต่ยังทำไม่ได้ก็ขอให้ดูแลช่วยเหลือเขาเหล่านั้น เพราะเขาเป็นบุคคลที่น่าสงสาร พระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสทรงห่วงใยเยาวชนของชาติที่สูบบุหรี่ไว้ตอนหนึ่งว่า เดี่ยวนี้เด็ก ๆ มีการสูบบุหรี่มากขึ้น มากกว่าก่อนอีก แต่ก่อนนี้เด็ก ๆ ยังไม่สูบ แต่โดยเฉพาะผู้หญิงสูบบุหรี่มาก สำหรับกิจกรรมการป้องกันหรือการเลิกสูบบุหรี่ ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาการเสพติดบุหรี่ลดลง ดังนั้นความหลากหลายของรูปแบบกิจกรรม จึงควรมีความเหมาะสมกับบุคคลท้องถิ่น โดยการศึกษาร่วมกันของบุคลากรสาธารณสุขหรือองค์กรอื่น ๆ ในปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีว่า ได้มีการรณรงค์ป้องกันและดูแลปัญหาการสูบบุหรี่อย่างจริงจัง สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของประชากรที่สูบบุหรี่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปในปี พ.ศ. 2547 พบว่าจำนวนผู้สูบบุหรี่ประจำมีประมาณ 9.6 ล้านคน เป็นจำนวนที่ลดลงจากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2544 ที่มีผู้สูบบุหรี่ประจำ 10.6 ล้านคน ผู้ที่สูบบุหรี่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ต่อ หญิง เท่ากับ 18 ต่อ 1 ซึ่งเพศชายสูบบุหรี่ลดลงจากร้อยละ 53 เหลือ ร้อยละ 37 ในขณะที่เพศหญิงลดลงจากร้อยละ 4 เหลือร้อยละ 2.1 ซึ่งระหว่าง พ.ศ. 2531 ถึง พ.ศ. 2547 จำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ที่ลดลงกว่าทีควรจะเป็นโดยใช้สมมุติฐานว่าหากไม่มีการดำเนินการควบคุมการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง อัตราการสูบบุหรี่ในปี
-5-
พ.ศ. 2547 จะใกล้เคียงกับอัตราของปี พ.ศ. 2531 ซึ่งจำนวนของผู้สูบบุหรี่ในปี พ.ศ. 2547 ควรจะ
เท่ากับ 14.0 ล้านคน นั้นหมายความว่า การรณรงค์ควบคุมการสูบบุหรี่ของไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูบบุหรี่ในปี พ.ศ. 2547 น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เท่ากับ 14.0-9.6 เท่ากับ 4.4 ล้านคน
แต่อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ควบคุมการสูบบุหรี่ในทุกรูปแบบ และการปรับตัวพัฒนาการรณรงค์ควบคุมการสูบบุหรี่ก็ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะความจริงก็คือ ประเทศของเรายังมีผู้ที่สูบบุหรี่อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเยาวชนจึงใคร่เสนอแนวทางในการดูแล
ป้องกันเยาวชนทั้งชาย หญิง ให้ปลอดภัยจากบุหรี่ตามแนวคิดของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา(CDC) ไว้ดังนี้
1. นโยบายห้ามสูบบุหรี่ภายในโรงเรียนจะต้องได้รับการสนับสนุนจากนักเรียน ครู
เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทุกฝ่าย รวมถึงต้องมีนโยบายไม่รับการสนับสนุนใด ๆ จากบริษัทบุหรี่
2. สร้างความเข้าใจกับนักเรียนเกี่ยวกับปัญหาการสูบบุหรี่ และป้องกันด้วยการ
จัดกิจกรรมที่ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจในปัญหาการสูบบุหรี่
3. จัดเตรียมการฝึกอบรมหรือสัมมนาที่จำเป็นให้กับครู ซึ่งจากครูได้รับการฝึกอบรม
เกี่ยวกับหลักสูตรในการป้องกันการสูบบุหรี่ ความสำเร็จของกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่จะมีมาก
ยิ่งขึ้น
4. ให้พ่อแม่ และครอบครัวของนักเรียนมีส่วนร่วมในการป้องกันไม่ให้บุตรหลาน
สูบบุหรี่
5. โรงเรียนควรเปิดโอกาสให้นักเรียนสร้างสรรค์โครงการต่าง ๆ ที่ลดแรงจูงใจของบุหรี่ที่มีต่อเยาวชน
6. พยายามลดอัตราการสูบบุหรี่ให้กับนักเรียนหรือบุคลากรในโรงเรียน อาจจะแนะนำ
แหล่งในการให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่ หรือโปรแกรมเพื่อการเลิกสูบบุหรี่ในโรงเรียน โรงพยาบาล หรือคลินิกอดบุหรี่
หากมีความตระหนักเห็นปัญหาร่วมกัน มีการดำเนินงานที่ต่อเนื่องร่วมกัน ปัญหาบุหรี่
ก็แก้ไขได้ เยาวชนก็จะมีสุขภาพแข็งแรง ยิ่งเป็นสตรีเพศด้วยแล้ว นอกจากสุขภาพดี ผิวพรรณจะไม่เหี่ยวแห้งเพราะพิษของบุหรี่อีกด้วย นั้นหมายความว่าผู้หญิงจะสวยยิ่งขึ้น ดูดีขึ้น เพียงแค่ไม่สูบบุหรี่ ห่างไกลจากบุหรี่เพื่อคนที่คุณรัก และตัวคุณเอง
บรรณานุกรม
ทรงเกียรติ ปิยะกะ. (2540). นิโคติน สารร้ายในใบยา. ยิ้มสู้ เรียนรู้ยาเสพติด. สำนักพิมพ์มติชน :
กรุงเทพมหานคร
ธราดล เหมพัฒน์. (2540). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการติดยาเสพติดของวัยรุ่นหญิง จังหวัดอ่างทอง.
วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต (วิศวกรรมชลประทาน). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
บัณฑิตวิทยาลัย : กรุงเทพมหานคร
ธิติ รัตนโชติ. (2538). วัยรุ่นหญิงกับการสูบบุหรี่ : ศึกษาเฉพาะนักเรียนหญิงในโรงเรียนอาชีว
ศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต (สังคมวิทยา). มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์. บัณฑิตศึกษา : กรุงเทพมหานคร
พนิตย์ จิวะนันทประวัติ. (2546). สูบแล้วติด ติดแล้วก็เลิกยาก. วารสารเพื่อสร้างค่านิยมไม่สูบ
บุหรี่Smart. ปีที่ 4 ฉบับที่ 44 เดือนกันยายน, มูลนิธิเพื่อการไม่สูบบุหรี่; กรุงเทพมหานคร
ศูนย์ข้อมูล มูลนิธิเพื่อการไม่สูบบุหรี่. (2548). คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง วารสารเพื่อสร้างค่านิยมไม่
สูบบุหรี่ Smart. ปีที่ 6 ฉบับที่ 62 เดือนมีนาคม, มูลนิธิเพื่อการไม่สูบบุหรี่;
กรุงเทพมหานคร
ศูนย์วิจัยนโยบายการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2546). บุหรี่กับวัยรุ่น. http :
//www.sst.or.th/th/ sanpatiroob.php?act=detail & sanindex=65&column_id=.19/3/2548
สถาพร จิรัตนานนท์. (2547). เราไม่ต้องการให้เด็กสูบบุหรี่. สารสารเพื่อสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่
Smart. ปีที่ 5 ฉบับที่ 50 เดือนมีนาคม, มูลนิธิเพื่อการไม่สูบบุหรี่; กรุงเทพมหานคร
อัจฉราวรรณ สร้อยทอง. (2542). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการสูบบุหรี่ในกลุ่มวัยรุ่น.
วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. (วิทยาการระบาด) มหาวิทยาลัยมหิดล. บัณฑิตวิทยาลัย :
กรุงเทพมหานคร
Bjorkqvist, kaj ; Batman, Annica and Aman-Back, Susanna (2004) Adolescents USE of tobacco
and alcohol : correlations with habits of parents and friends Volume 95, Issue 2, P 418-
420.
Mary Ann Faucher, Factors that influence smoking in adolescent girls. Journal of Midwifery and
Women s Health. Volume 48, Issue 3, May-June 2003, P 199-205
Relate topics
- รู้ทันมะเร็ง : เนื้อสัตว์แปรรูปก่อมะเร็ง
- จิตแพทย์ ชี้ เด็กกลัวข้าว เกิดจาก "โฟเบีย" แนะสร้างแรงจูงใจให้ชอบ
- นโยบายด้านคุณธรรมจริยธรรม
- ขั้นตอนการจัดการข้อร้องเรียน
- สารน่ารู้เกี่ยวกับงาน IC
- แนวคิดวัฒนธรรมองค์กร
- ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด และแบบทดสอบ 20 ข้อ พร้อมเฉลย
- ครอบครัวกับการดูแลผู้ป่วยหลังการรักษายาเสพติด
- บทคัดย่อวิจัย 6 เรื่อง ศูนย์ฯสงขลา
- ความรู้ - วิชาการเกี่ยวกับยาเสพติด (คุณสยาม มุสิกไชย)