สังคมเสื่อม ครอบครัวห่างเหิน มุ่งรวย
สังคมไทยเสื่อม เด็ก ลืมความดีงาม มุ่งรวย แพทย์วิเคราะห์สังคมไทยเสื่อม พ่อแม่ไม่กล่อมจิตใจเด็ก ลืมความดีงาม มุ่งรวย เสนอ3ทางแก้
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้ความเห็นกรณีเกิดเหตุลูกฆาตกรรมพ่อแม่ และพี่ชาย โดยอ้างเก็บกดจากการที่พ่อแม่ให้ความรักพี่ชายมากกว่าว่า จากการวิเคราะห์ทางด้านจิตวิทยาพบปัญหามาจากความผูกพันธ์ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มลดลง คือ พ่อแม่ห่างเหินกับลูก ต่างคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัว ทำให้ความผูกพันธ์ลดลงไม่เหมือนในอดีต
"ยิ่งมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะส่งผลต่อวิธีคิด การตัดสินใจของตัวเอง ประกอบกับปัจจุบันเด็กเข้าถึงสื่อได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ ผู้ปกครองก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เห็นผิดเป็นชอบได้เช่นกัน" พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า สิ่งสำคัญพ่อแม่ต้องดูแลและเข้าใจลูก โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีพี่น้อง อย่ามีการเปรียบเทียบว่าใครดี หรือใครเรียนเก่งกว่ากัน ต้องเอาใจใส่และให้ความสำคัญทั้งคู่ เพราะอย่าลืมว่าเด็กทุกคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญต้องแนะนำให้พวกเขารู้จักใช้ชีวิตที่ถูกต้อง
"สังคมไทยขาดการหล่อหลอมจิตใจของเด็กในเรื่องความดีงาม เรามักพูดว่าต้องประสบความสำเร็จ แต่ขาดการแนะนำวิธีการไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ทำให้เด็กอาจเข้าใจว่าทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้รวย มีข้าวของเงินทอง ซึ่งไม่ใช่ ดังนั้น 1.พ่อแม่ควรมีความใกล้ชิดลูก แม้จะบอกว่าไม่มีเวลา ต้องทำงานก็ต้องหาเวลามาดูแล 2. หากลูกไม่เป็นอย่างที่คิดที่คาดหวัง ก็ไม่ควรไปดุด่า แต่ควรปรับตัวและพูดคุยกันว่า สิ่งไหนคือสิ่งที่ดี และ3.ต้องพัฒนาและฝึกการตัดสินใจที่ดี โดยให้พวกเขาตัดสินใจและยอมรับผลของการกระทำ
ยกตัวอย่าง ครูสั่งการบ้าน หากต้องการทำการบ้านให้เสร็จเร็วก็ลอกเพื่อน ซึ่งเป็นวิธีไม่ถูกต้อง ต้องให้พวกเขารับรู้ และรับผลการกระทำว่า ในระยะยาวเป็นสิ่งไม่ดี จะไม่รู้จักพึ่งตัวเอง ระยะสั้นก็จะถูกครูทำโทษได้" พญ.พรรณพิมลกล่าวผู้สื่อข่าวถามว่าจะสังเกตลูกได้อย่างไร หากมีแนวโน้มเปลี่ยนไปและทำตัวห่างไกลพ่อแม่ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สังเกตง่ายๆ คือ 1.พื้นนิสัย เด็กแต่ละคนจะมีนิสัยแตกต่างกัน บางคนอารมณ์ร้อน อาจเสี่ยงถูกชัดจูงและคล้อยตามง่ายก็ต้องดูแลให้มากขึ้น พยายามเข้าใจและพูดคุย อย่าให้คนอื่นมาเข้าใจดีกว่าลูกเรา 2. สภาพแวดล้อมต้องดูว่าลูกใกล้ชิดกับใคร ชอบอยู่สถานที่ไหน สิ่งเหล่านี้จะบอกแนวโน้มของเด็กได้ว่าจะไปในทางไหน ซึ่งพ่อแม่หลายคนอาจมองว่าไม่อยากไปยุ่งมาก อาจทำให้ลูกอึดอัด จริงๆสามารถเว้นช่องว่างได้ แต่เรื่องพวกนี้พ่อแม่ต้องรู้เช่นกัน พยายามทำตัวให้เหมือนเพื่อน อย่าเป็นลักษณะบังคับ
ที่มา: มติชนออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
http://www.thaihealth.or.th/Content/23789-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%20%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%20%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2.html
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- ‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ