คุมกำเนิดอย่างปลอดภัย...เมื่อไม่พร้อม

by kadocom @15-5-56 14.54 ( IP : 203...37 ) | Tags : มุมวิชาการ
photo  , 300x114 pixel , 39,210 bytes.

สถิติจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบสาวไทย วัยรุ่นปีละกว่า 70,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ท้องไม่พร้อม และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ต่อปี ที่น่าห่วงคือไม่มีความรู้เรื่องเพศและการคุมกำเนิดเพียงพอ ส่งผลต่อเนื่อง ทั้งด้านสังคมและสุขภาพของแม่ที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการไม่ได้ รับข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้อง ดังนั้น ทุกคนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องร่วมกันป้องกันและ แก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ปลอดภัย

ดร.นพ.เกษมสิษฐ์ แก้วเกียรติคุณอาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัย นวมินทราธิราช กล่าวถึงเหตุผลหลายประการที่ผู้หญิงยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ว่า อันดับต้นๆ คือการขาดความรู้ที่จะคุมกำเนิดที่ปลอดภัย ตามมาด้วยไม่แน่ใจว่าจะเลือกวิธีไหนดี ส่วนใหญ่ จะใช้วิธีซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดรับประทานเอง ซึ่ง อาจรับประทานยาไม่ถูกต้องหรือลืมรับประทานยา ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ บางคน ก็อาจมีอาการข้างเคียงจากยาเม็ดคุมกำเนิด จนต้องหยุดยา หรือก็ไม่คุมกำเนิดเลย เพราะไม่มีความรู้ในการคุมกำเนิดโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ทำให้มีปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เผยอีกว่า การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่เป็นฮอร์โมนมีหลายวิธี ได้แก่ ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด และ ยาฝังคุมกำเนิด ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสีย แตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับแต่ละคน ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิด ภาวะหรือโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในแต่ละวิธี รวมทั้งอาการข้างเคียงของแต่ละวิธี ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเริ่มคุมกำเนิด

ด้านปัญหาของการคุมกำเนิด สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดที่นิยมใช้กันเพราะหาซื้อได้ง่าย มีข้อเสียคือต้องรับประทานทุกวันในเวลาเดิม ปัญหาที่พบบ่อยคือ ลืมรับประทานยา ทำให้ประสิทธิผลของยาลดลง นอกจากนั้น ยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิดมีระดับฮอร์โมนสูง ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ เป็นฝ้าได้ สำหรับยาฉีดและยาฝังคุมกำเนิดก็อาจมีปัญหาประจำเดือน ผิดปกติ เลือดออกกะปริดกะปรอย หรือ น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ผลข้างเคียงเหล่านี้ทำให้ผู้หญิง บางคนไม่มีทางเลือกที่ดีในการคุมกำเนิด

ปัจจุบันจึงมีการพัฒนานวัตกรรมการคุมกำเนิดแบบใหม่ เพื่อลดปัญหาจากวิธีการคุมกำเนิดแบบเดิม นั่นก็คือ การคุมกำเนิดด้วยวงแหวนคุมกำเนิด ถือเป็น อีกหนึ่งทางเลือกของผู้หญิงยุคนี้ มีลักษณะเป็นวงแหวนพลาสติกนุ่ม ยืดหยุ่นได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร ประกอบด้วย ฮอร์โมนเช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิด แต่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดทันที โดยจะปล่อยฮอร์โมนออกมา ในปริมาณต่ำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอกว่า ยาเม็ดคุมกำเนิด ทำให้ประสิทธิผลดีกว่ายาเม็ดคุมกำเนิด ผลข้างเคียงน้อยกว่า และประจำเดือน มาสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้หญิงทุกคนที่ต้องการความสะดวกในการคุมกำเนิด ต้องการให้รอบประจำเดือนมาปกติ หรือในรายที่มีปัญหาจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากยาฉีดและยาฝังคุมกำเนิด นอกจากนั้น ผู้ที่ลืมรับประทานยาคุมกำเนิดบ่อยๆ หรือเวลาการทำงานไม่แน่นอน เช่น ทำงานเป็นกะก็ใช้วงแหวนคุมกำเนิดได้ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาการรับประทาน ยาคุมกำเนิด

"วิธีใช้วงแหวนคุมกำเนิด ง่ายและสะดวก สามารถใส่ด้วยตนเอง โดยสอดเข้าไปในช่องคลอดคล้ายกับการเหน็บยาในช่องคลอด ปล่อยไว้ 3 สัปดาห์ ในระหว่างนี้สามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มี ผลข้างเคียงใดๆ ทั้งผู้ใช้และคู่สมรส ไม่ระคายเคือง ไม่ทำให้ตกขาวหรือติดเชื้อในช่องคลอด แต่จะทำให้สภาวแวดล้อมในช่องคลอดเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดไม่แห้ง การตกขาวติดเชื้อลดลง เมื่อครบ 3 สัปดาห์ ก็เอาออก เว้นไป 1 สัปดาห์ จะมีประจำเดือนมาตามปกติ"

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้มีทางเลือกในการคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิงยุคใหม่มากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน หากไม่แน่ใจว่าวิธีใดเหมาะสม ก็ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือดีที่สุดคือไม่มีเพศสัมพันธ์เมื่อไม่พร้อม ถือเป็นทางออกป้องกันปัญหาสังคม ท้องและแท้ง ตามมา

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

นายแพทย์ธวัช ลาพินี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล