10 อันดับความเครียดยุคโลกาภิวัฒน์และวิธีรับมือ

by kadocom @9-7-55 10.33 ( IP : 203...35 ) | Tags : มุมวิชาการ
photo  , 285x145 pixel , 44,479 bytes.

ด้วยวิถีชีวิตของคนเราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย การบริหารอารมณ์ให้คงที่ สดชื่น แจ่มใส อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก แต่อย่างไรเสียก็เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกปฏิบัติเพื่อให้กลายเป็นนิสัย และเพื่อที่เมื่อได้เผชิญกับเรื่องต่างๆ แล้ว เราจะได้มีภูมิคุ้มกันอารมณ์ตนเอง จึงขอเสนอปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด ดังนี้

1. ความเครียดในครอบครัว

ปัญหาจากการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมเป็นตัวการทำให้ความเครียดชนิดนี้ปะทุขึ้นมาในครอบครัว ยิ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคู่ครองบ่อย ๆ หรือสื่อสารกับลูก ๆ ไม่เข้าใจแล้วล่ะก็ จะปฏิเสธว่าไม่เครียดก็คงเป็นเรื่องแปลก ซึ่งแนวทางแก้ไขความเครียดในจุดนี้อาจเริ่มต้นจาก

  • พยายามเป็นผู้ฟังที่ดี ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะตำหนิคู่ครองทันทีที่เขาหรือเธอเอ่ยปากขอความคิดเห็น ก็เป็นไปได้ว่า นานไป ก็จะไม่มีใครอยากคุยกับคุณ ดังนั้น ควรเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนที่รู้จักรับฟังปัญหาอย่างชาญฉลาด และทำให้ผู้ที่คุยด้วยรู้สึกว่าคุณฟังอย่างตั้งใจ อย่าตัดโอกาสตัวเองด้วยการขัดคอ หรือต่อว่าคู่ครองว่าโง่ ไม่ฉลาด เป็นอันขาด

  • สร้างบรรยากาศในการพูดคุย บางครั้งมนุษย์เราก็ต้องการให้การพูดคุยมีขั้นมีตอน มีแบบแผน หรือมีช่วงเวลาที่ชัดเจน หากคุณและครอบครัวไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกัน ลองกำหนดช่วงเวลาที่ทุกคนได้อยู่กันพร้อมหน้า และให้แต่ละคนได้มีโอกาสระบายความรู้สึก ความกังวลในจิตใจออกมาให้คนอื่น ๆ ได้รับฟังโดยอิสระดูบ้างก็คงจะดี ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ต้องอย่ามองว่าปัญหาของลูกที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ หรือขัดคอไม่ให้ลูกพูดจนจบ หรือไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้พูด แต่ตัวเองกลับเล่าเรื่องของตัวเองเสียยืดยาวด้วย

2. ความเครียดในการงาน

หากเป็นมนุษย์ทำงานในยุคนี้ การจะแกะพวกเขาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ดูจะเป็นเรื่องยาก ซึ่งการเกาะติดอยู่กับคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันแล้วไม่เครียดเลยก็คงไม่ใช่มนุษย์เดินดิน ทางแก้คือ ลองปลูกต้นไม้เล็ก ๆ หรือหาดอกไม้มาประดับโต๊ะทำงานดูบ้าง ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ดี ต้นไม้ที่จะนำมาปลูกที่โต๊ะทำงาน หรือในออฟฟิศ ไม่ควรเป็นพืชที่ต้องการแสง - น้ำมากนัก และควรหลีกเลี่ยงการวางต้นไม้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ริมหน้าต่างที่โดนแดดช่วงบ่าย หากเป็นไปได้ หาโอกาสเปลี่ยนสถานที่วางต้นไม้ไปยังจุดต่าง ๆ ของออฟฟิศบ้างเพื่อให้มันได้รับแสงแดดที่แตกต่างกัน

3. ความเครียดจากเพื่อนร่วมงาน

เพราะเพื่อนในที่ทำงานมีหลายแบบ แต่ถ้าคนที่นิสัยไม่ค่อยดีบางคนก็ชอบชี้นิ้วสั่งคนอื่นให้ทำตามที่ตนเองต้องการ บ้างก็ชอบโวยวาย ก้าวร้าว บ้างก็ขี้บ่นขี้นินทา บ้างก็ชอบยืมเงินแต่ไม่คืน วิธีรับมือคือ หากคุณรู้สึกโกรธ หรือโมโหกับพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงาน แทนที่จะตอบโต้ออกไป ขอให้หันมามุ่งสังเกตใจของตัวเองแทน และพยายามหาทางรับมือกับใจของตัวเองที่กำลังโกรธ แทนการไป "จัดการ" เพื่อนร่วมงานตัวแสบ นั่นจะทำให้คุณสงบลงเร็วขึ้น และทำให้เพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวไม่สามารถทำอะไรคุณได้ด้วย

นอกจากนั้น การนั่งสมาธิสักวันละ 5นาทีในตอนเช้าก่อนออกมาทำงาน หรือก่อนนอนก็ดีต่อจิตใจของคุณเช่นกัน เพราะเป็นการฝึกตัวเองให้มีสติ และสามารถรับมือกับความโกรธที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

4. ความเครียดจากการไม่ได้ออกกำลังกาย

พ่อแม่ส่วนมาก ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องรีบอาบน้ำล้างหน้า เตรียมอาหารสำหรับลูกน้อย และพาเด็ก ๆ ขึ้นรถฝ่าการจราจรอันติดขัดเพื่อมาส่งโรงเรียนให้ทันเข้าแถวเคารพธงชาติ จากนั้นก็ต้องรีบเดินทางไปทำงานต่อ กว่าจะเลิกงานกลับบ้านมารับลูกก็เย็นย่ำ แล้วจะให้หาเวลาไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีตอนไหนกัน

ทางแก้คือ ขอให้ลองบริหารเวลาให้ดีอีกสักนิด แทนที่จะมองว่าทุกวันช่างยุ่งเหยิง ลองจัดตารางให้ครอบครัวเลยว่า เราจะไปออกกำลังกายกันทุกวันจันทร์ กับวันพฤหัสตอนเย็น หากสามารถทำได้เช่นนี้ ครอบครัวคุณก็จะมีเวลาได้ออกกำลังกายร่วมกันทุกคน และสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตในเมืองได้ด้วยเช่นกัน

5. ความเครียดจากปัญหาจราจร

คนเมืองคงเจอความเครียดข้อนี้กันแทบทุกวัน ยิ่งวันไหนฝนตก วันนั้นรถยิ่งติด การนั่งอยู่ในรถเฉย ๆ รอดูสัญญาณไฟว่าเมื่อไรจะเขียว เมื่อไรคันหน้าจะขยับบางทีก็เป็นเรื่องน่าเบื่อพอดู แต่ความเบื่อนี้สามารถขจัดได้ง่าย ๆ ด้วยการ "ร้องเพลง" เพราะมีการศึกษาวิจัยชี้ว่า การร้องเพลงช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกในแง่บวกได้ และสามารถช่วยลดความดันโลหิตลงได้ด้วย ที่สำคัญการร้องเพลงในรถ ไม่มีกรรมการมาคอยตัดสินให้คะแนนเสียงร้องของคุณอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจะร้องเสียงหลง เสียงหลบก็ร้องได้อย่างสบายใจ หายเครียดในวันรถติดได้เลยค่ะ

6. ความเครียดเรื่องการเงิน

ปัญหาการชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้หลายครอบครัวเกิดความเครียดได้ง่าย ดังนั้น การรับมือกับความเครียดข้อนี้ วินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณไม่อยากให้ครอบครัวต้องอดมื้อกินมื้อในช่วงสิ้นเดือน ก็ควรใช้เงินอย่างฉลาด รู้จักเก็บออม แบ่งสันปันส่วนเงินให้เหมาะสม อย่าสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น และไม่มองบัตรเครดิตเป็นที่พึ่งอันดับต้น ๆ

7. ความเครียดเรื่องการกินอยู่

แม่บ้านส่วนใหญ่ที่รับหน้าที่นี้มาเป็นสิบ ๆ ปี คงรู้สึกเบื่ออยู่ในใจ ว่าเย็นนี้จะทำเมนูอะไรดี ทางแก้คือ การเขียนเมนูเป็นสัปดาห์ และไปจ่ายตลาดสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งคุณอาจไม่ต้องคิดเมนูคนเดียว อาจให้ลูก ๆ และสามีหรือภรรยามาช่วยคิดด้วยกัน ไปซื้อของด้วยกัน เตรียมหั่นผักหั่นหมูด้วยกัน ก็จะช่วยลดเวลาในการเตรียมอาหารลงได้อีกมาก

8. ความเครียดจากการขี้ลืม

การขี้หลงขี้ลืมทำให้มนุษย์เราเกิดความเครียดได้ง่าย เพราะต้องเดินเข้าเดินออกหยิบของกันไม่มีวันจบสิ้น ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ลืมของบ่อย ๆ ลองจดรายการสิ่งที่ต้องทำดูก็อาจช่วยได้ เช่น รายการสิ่งของที่คุณต้องนำไปด้วยก่อนออกจากบ้านมีอะไรบ้าง 1 - 2 - 3แปะเอาไว้หน้าประตูบ้าน ข้อดีคือมันจะช่วยให้คุณออกจากบ้านได้ด้วยความรู้สึกพร้อมมากขึ้น

9. ความเครียดเพราะไม่มีเวลาให้ตัวเอง

การหาเวลาให้ตัวเองเป็นสิ่งจำเป็น และทำให้คนได้รับการเติมเต็มทางจิตใจมากขึ้น หากคุณมีครอบครัวและมีลูกที่ต้องดูแล ลองหาเวลาว่างหลังลูกนอนหลับนั่งทำงานที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ดูแลตัวเอง ฯลฯ สัก 30นาที ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

10. ความเครียดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ

มนุษย์ทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่มักมีเรื่องเครียดมากมายให้คิด หลายคนกว่าจะคิดจบก็เกือบเช้า ทำให้ตื่นเช้ามาทำงานด้วยความไม่สดชื่น คนทำงานจึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมเครียด ๆ ก่อนนอน เช่น การทำงาน มาเป็นการอ่านหนังสือเบา ๆ หรือฟังเพลงสบาย ๆ แทนเพื่อให้จิตใจพร้อมสำหรับการนอนหลับอย่างมีความสุข

ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

นายแพทย์ธวัช ลาพินี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล