สร้างสมดุลกับชีวิตพิชิตความเครียด

by kadocom @24-1-55 10.25 ( IP : 203...35 ) | Tags : มุมวิชาการ
photo  , 285x145 pixel , 17,080 bytes.

น.พ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์และกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต ได้กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ความเครียดในปี 2555ว่า ยังคงมีสูง โดยมีปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลัก 4 ประการ คือ

  1. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทั้งเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในประเทศ เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัย โรงงานปิดกิจการ การจ้างงานลดลง และคนว่างงานเพิ่มขึ้น

  2. ปัจจัยทางด้านสังคม อาทิ ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัจจัยต่อเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อคนมีปัญหาการเงิน ก็จะมีโอกาสทำเรื่องผิดกฎหมายมากขึ้น ทำให้ผู้คนอีกส่วนหนึ่งมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

  3. ปัจจัยเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง

และสุดท้าย 4.ปัจจัยเรื่องของภัยธรรมชาติ ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากความไม่แน่นอน ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ทำให้คนจำนวนมากเกิดความกังวลไม่กล้าใช้ชีวิต หรือเตรียมการณ์ไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร แค่ไหน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอันเนื่องมาจากสถาบันครอบครัวที่อ่อนแอลง สิ่งยั่วยุไปในทางที่เสียมีมากขึ้น รวมถึงความก้าวหน้า ของเทคโนโลยียุคข้อมูลข่าวสาร ซึ่งในกรณีที่เกิดผลเสียหายจาก ข้อมูลที่เป็นเท็จ คลาดเคลื่อน บิดเบือน จะเกิดผลกระทบได้อย่าง รวดเร็ว และรุนแรงยิ่งกว่าในอดีตรวมไปถึงการควบคุมสถานการณ์ก็ทำได้ยากกว่า

สำหรับแนวทางในการรับมือกับปัจจัย เสี่ยงต่อความเครียดต่างๆ นั้น น.พ.ไกรสิทธิ์ ระบุว่า จะต้องมีการเร่งฝึกทักษะในการดูแลจิตใจของตัวเอง ซึ่งนับเป็น สิ่งจำเป็นสำหรับคนยุคปัจจุบันมากกว่าคนรุ่นก่อน เพราะคนรุ่นปัจจุบันต้องอยู่กับความกดดัน และความไม่ แน่นอนที่สูงกว่าเดิม ตลอดจนเป็นที่ทราบกันดีว่าความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางกายได้ทุกรูปแบบ ทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะ มะเร็งต่างๆ ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าที่ควร

วิธีฝึกทักษะในการดูแลจิตใจตัวเองเพื่อรับมือกับความเครียดให้ได้นั้น น.พ.ไกรสิทธิ์บอกว่า คนไทยควรจะหันมาดูแลเอา ใจใส่ภาพรวมการดำเนินชีวิตของตนเอง โดยจะต้องจัดสมดุล 3ด้านหลักของชีวิตให้ได้ นั่นคือ งาน ครอบครัว และชีวิตส่วนตัว

สำหรับชีวิตทั้ง 3ด้านเป็นเรื่องพื้นฐานที่แต่ละคนต้องประสบโดยแต่ละด้านก็ต้องการเวลา ความเอาใจใส่ ซึ่งการที่ไม่สามารถจัดการให้เกิดสมดุลได้ จะก่อให้เกิดความเครียด และปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย อาทิ ถ้ามุ่งงานมากไป ครอบครัวเสียหายก็เกิดปัญหา ถ้ามุ่งครอบครัวมากไป งานเสียหายก็เกิดปัญหา ถ้ามุ่งงานกับครอบครัว ไม่สนใจตัวเอง สุขภาพก็ทรุดโทรม เสียหาย”

“ทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกันหมด คือ ถ้าตัวเราล้ม ครอบครัวก็เสียไปด้วย มันกระทบถึงกันหมด อาทิ บางคนเป็นนักธุรกิจดีเด่นได้รางวัลมากมาย แต่ครอบครัวล้มเหลว หรือธุรกิจสำเร็จ กำไรสูงสุดในประเทศ แต่ตัวเองป่วย เราจะเรียกแบบนี้ว่าเป็นคนประสบความสำเร็จหรือไม่ หรือกรณีที่ดูแลแต่สุขภาพตัวเอง อย่างอื่นไม่เอาเลย ทำธุรกิจก็โกงคนอื่น ไม่รับผิดชอบครอบครัวไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย สร้างปัญหาเยอะแยะไปหมด อย่างนี้ก็เป็นชีวิตที่ขาดสมดุล”

สำหรับเทคนิคในการฝึกสร้างสมดุลให้ชีวิตนั้น นอกจากใช้เวลาคิดทบทวนภาพรวมในชีวิตตนเองแล้ว ควรมีการกำหนดเป้าหมายคร่าวๆ ในแต่ละด้าน ซึ่งคำตอบของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แล้วแต่ใครจะให้ความสำคัญเรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน โดยหมั่นเตือนตัวเองอยู่เป็นระยะๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในชีวิต อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ อยากได้ อยากมี อยากเป็น และพยายามลดสิ่งที่อยากได้ลง ก็จะสามารถเฉลี่ยเวลาสำหรับองค์ประกอบทั้งสามส่วนได้ลงตัวเหมาะสม

“สิ่งที่เป็นข้อจำกัดแล้วทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความเครียด ก็คือ เรื่องของเวลา เพราะเวลาเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด หลายคนบ่นว่าไม่มีเวลาให้ครอบครัว แต่ถ้าได้ทดลองลดเป้าหมายในแต่ละด้านลง คือ ตัดส่วนเกินที่ไม่จำเป็นออกไป จะพบว่าสามารถสร้างความสมดุลในชีวิตได้อย่างเหมาะสม”

อย่างไรก็ตามการดำเนิน การไปสู่เป้าหมาย ทุกคนควรต้องเตรียมใจไว้ว่า สิ่งต่างๆอาจจะไม่เป็นไปตามแผนทั้งหมด อาจมีผิดหวังบ้าง เสียใจบ้าง แต่ถ้ายังมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายนั้นอยู่ มันก็สำเร็จได้ นอกจากการฝึกสร้าง สมดุลในชีวิตแล้ว การสร้างครอบครัวให้อบอุ่น ด้วยการให้ความสำคัญต่อกัน ก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งน.พ.ไกรสิทธิ์ ได้ให้แนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับทุกครอบครัวว่าควรมี 4ให้ อยู่เสมอคือ 1.ให้เวลา 2.ให้คำชื่นชม 3.ให้อภัย 4.ให้กำลังใจ

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

นายแพทย์ธวัช ลาพินี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล