ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
การที่คนเราจะทำงานให้มีความสุขได้นั้น ก่อนอื่นต้องพิจารณาก่อนว่า เรารักงานที่ทำหรือไม่ ทำแล้วมีความสุขไหม งานนั้นตรงตามความรู้ความสามารถของตนเองมากน้อยเพียงใด บุคลิกภาพและสุขภาพ ร่างกายก็มีส่วนสำคัญในการทำงานเช่นเดียวกัน
ความรัก ความรักในงาน อย่างน้อยต้องมีความรู้หรือเชี่ยวชาญงานที่เลือกปฏิบัติ สนใจ ขยันหมั่นเพียร ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา มีความคิดสร้างสรรค์ผลงาน ทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ถ้าเรารักที่จะทำงานก็จะทำงานด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และมีความสุข นอกจากความรักในงานแลว้ การทำงานบางครั้งต้องทำรว่ มกับผู้อื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน ความเห็นแก่ตัว ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าเกิดในการทำงานก็จะทำงานไม่เป็นสุข เครียด หมดกำลังใจ จึงต้องใช้ความอดทน อดกลั้น เข้าช่วยผ่อนคลายปัญหาความขัดแย้งนั้น ๆ ก็อาจลดลงได้ ฉะนั้น นอกจากจะรักในงานแล้วยังต้องรักในคนด้วย จึงจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
ความซื่อสัตย์ เป็นลักษณะที่สำคัญในอาชีพอย่างหนึ่ง คนเราต้องมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น รักษาความลับ ผลประโยชน์ ทรัพย์สินต่าง ๆ ของส่วนรวม ความซื่อสัตย์ในการทำงานจะส่งผลต่อตนเอง ถึงแม้จะเป็นการยากที่ผู้อื่นไม่อาจมองหรือรับรู้ได้ อย่างน้อยตัวเราเองก็จะรู้อยู่แก่ใจ ว่าเรามีความซื่อสัตย์หรือไม่ สมควรได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นมากน้อยเพียงใด
ความสามัคคี ต้องมีความพร้อมเพรียงหรือความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การร่วมมือกันทำงานให้สำเร็จลุล่วง ในการทำงานต้องมีความจริงใจต่อกัน มองคนอื่นในแง่ดี มีส่วนร่วมในงานเต็มกำลังความสามารถ รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติ ปรับตนเองให้เข้ากับผู้อื่นได้ มนุษยสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะมีส่วนสำคัญในการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ
ความเสียสละ ต้องละความเห็นแก่ตัว แบ่งปันให้ผู้อื่นด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์และกำลังสติปัญญา รวมทั้งละทิ้งอารมณ์ร้าย ๆ ในตนเอง มีจิตใจกว้างขวางช่วยเหลือเกื้อกูล สละความสุขและผลประโยชน์ส่วนตนลงบ้าง ไม่หวังผลตอบแทน การเสียสละเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมที่จะทำให้คนเราอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก
ความมีระเบียบวินัย ประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเหมาะสม ยึดถือและปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ มีศีลธรรม รู้จักควบคุมตนเองให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน และขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ย่อมทำให้เกิดความสุขแก่ตนเองและผู้ร่วมงาน
นอกจากการปฏิบัติตนดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผู้เขียนยังยึดถือหลักคำสอนทางพุทธศาสนา ว่าด้วย
อิทธิบาท 4 เป็นหลักในการปฏิบัติงานมาจนทุกวันนี้ ซึ่งประกอบด้วย
ฉันทะ มีความพอใจรักใคร่ในงาน เต็มใจที่จะทำงาน ทำแล้วเกิดความสุข
วิริยะ มีความตั้งใจที่จะทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร มุ่งมั่นที่จะทำงานให้สำเร็จ
จิตตะ มีใจจดจ่อ เอาใจใส่ต่องานที่ทำด้วยความเต็มใจ
วิมังสา มีความพยายามที่จะปรับปรุงงานที่ทำให้ดีมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
ในทัศนะของผู้เขียน ผู้ใดก็ตามที่สามารถประพฤติปฏิบัติได้เช่นนี้ ก็จะก่อให้เกิดความสุขในการทำงาน ผลงานต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เกิดแรงผลักดันที่จะพัฒนาตนเองให้เจริญก้าวหน้าในการประกอบอาชีพที่มั่นคงในอนาคต
เรื่องโดย : สุกาญดา มีฟัก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- ‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ