สร้างสุขได้โดยการกำจัด ‘ขยะ’ ในใจ
หลายคนมักตั้งคำถามว่า ความทุกข์ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมาจากอะไร คำตอบง่ายๆ ที่เราไม่เคยคิดก็คือ การที่เราเอาขยะเข้ามาอยู่ในใจของเรา ผมมักเปรียบเปรยง่ายๆ ว่าให้เราลองก้มไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเราและดมดูว่าอกของเราเหม็นหรือไม่ ถ้าเหม็นแสดงว่าเรามีขยะอยู่ในใจ แต่ถ้าไม่แสดงว่าเรารู้จักที่จะขจัดขยะเหล่านั้นออกไป
ขยะที่เรามีหนักเท่าไรก็คือความทุกข์ที่เราแบกรับไว้มากเท่านั้น จำได้มั้ยครับว่า แก้วน้ำที่เราถือไว้ ไม่ได้บ่งบอกว่ามันมีน้ำหนักมาน้อยแค่ไหน แต่ความหนักของมัน คือ ระยะเวลาที่เราจะถือไว้ต่างหาก เราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางหรือไม่ เหมือนกับโรงเรียนแห่งหนึ่งให้นักเรียนแบกถุงมันฝรั่งไปไหนต่อไหนด้วยทุกวัน ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งในระหว่างนั้นมันฝรั่งก็เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า แต่ทุกคนก็ต้องแบกมันไว้ให้ครบอาทิตย์
เมื่อครบกำหนดคำถามที่ทุกคนได้รับก็คือ “นักเรียนอยากจะทำอะไรกับถุงมันฝรั่งใบนี้” คำตอบที่ได้เหมือนกัน ก็คือ “ทิ้งมันไปซะ” ฉันใดฉันนั้นกับขยะในใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นความไม่พอใจเพื่อนร่วมงานที่ทำงานผิดพลาด คำพูดที่ไม่หวานหูของคนในครอบครัว พนักงานบริการที่ไม่มีมารยาท หรือ คนขับรถที่ไม่มีน้ำใจหยุดให้เราข้าม สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นขยะ เพราะขยะ คือ สิ่งที่ไม่มีค่า ไม่มีราคา แล้วทำไมเราจึงเก็บมันมาคิดหรือติดอยู่ในใจเรา ถ้าเรารู้ว่ามันจะทำให้เราทุกข์ เราจะเก็บมันไว้หรือถือมันไว้ตั้งแต่แรกหรือไม่
ผมเชื่อว่า ถ้าเราป้อนข้อมูลที่ไม่ดีเข้าสู่สมองของเราแล้ว ในหัวของเราก็จะมีแต่ข้อมูลไม่ดี และสิ่งที่ประมวลออกมาก็จะกลายเป็นข้อมูลที่ไม่ดีที่มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า เขาเรียกว่า การป้อนขยะเข้าสู่จิตใจ ทำให้เราคิดหรือแสดงออกบนมุมมองที่เต็มไปด้วยขยะหรือสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์หรือมีประโยชน์ใดๆ ดังนั้นถ้าเราเก็บขยะไว้ เราก็ค่อยๆ ซึมซับเอาความทุกข์เข้าไปทุกๆ วัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และจากปีกลายเป็นหลายๆ ปี คนบางคนติดอยู่ในกองขยะเหล่านี้ ซึ่งเราเรียกว่า กองขยะแห่งความทุกข์
คนเราจะสุขได้ ต้องรู้จักกำจัดขยะที่มีอยู่ในใจออกไปให้หมด และไม่ดึงเอาขยะเหล่านั้นเข้ามาในใจ โดยเราต้องปิดกั้นความคิดและความรู้สึกของเรา ก่อนที่จะทำตัวเป็นเครื่องดูดฝุ่น หรือเป็นถังขยะที่รองรับสิ่งที่ไม่มีคุณค่าหรือบั่นทอนสุขภาพจิตของเรา วิธีการที่เราสามารถทำได้เลยก็คือ การป้อนคำพูดเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองดูดขยะเหล่านี้เข้าไป เช่น พูดว่า “การเศร้าเสียใจหรือหงุดหงิดไปกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น ลืมมันซะ” หรือ “สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป เราอย่าไปใส่ใจ”
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาโดยการแสดงสำรับไพ่ให้คนทั่วไปได้ดู แต่ในไพ่หนึ่งสำรับจะมีบางอย่างที่ผิดปกติ มีบางอย่างที่แตกต่างไปจากไพ่ทั่วไป เช่น ไพ่ 4 ดอกจิกมีสีแดง ไพ่ 5 ข้าวหลามตัดมีรูปข้าวหลามตัด 6 รูป ซึ่งคนที่ได้เห็นไพ่นั้นจะถูกถามคำถามเหมือนกันว่าพวกเขาเห็นอะไร
ถามว่าคนที่ดูไพ่เหล่านี้ ได้เห็นความผิดปกติที่มีอยู่ในไพ่สำรับพิเศษที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ เพราะพวกเขาไม่ได้สังเกตความผิดปกติเหล่านี้ และเมื่อถูกถามให้อธิบายถึงไพ่ที่พวกเขากำลังมองอยู่ คนส่วนมากตอบว่า พวกเขากำลังมองเห็นไพ่ 5 ข้าวหลามตัด และไพ่ 4 ดอกจิกอยู่ โดยที่พวกเขาไม่ได้พูดถึงความผิดพลาดของไพ่แต่ละใบไม่ว่าจำนวนรูปหรือสีที่อยู่ในไพ่
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงได้เกิดขึ้น คำตอบก็คือสิ่งที่เราเห็นไม่ได้เป็นเพียงแค่รูปแบบที่ควรจะเป็น แต่ยังเป็นสิ่งที่เรากำลังมองหาอยู่ ซึ่งได้แก่ ความคาดหวังและข้อสันนิษฐานของเรา ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่นำไปสู่ความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตของเรา เมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่เราความหวังหรือสรุป เราก็จะรู้สึกผิดหวังและเกิดความทุกข์ใจในที่สุด เป็นการเอาขยะเข้ามาในใจเรา
ขยะเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเราใส่ใจ เราเอาใจเข้าไปร่วมกับมัน เพราะเราคาดหวังว่าคนอื่นต้องเป็น ต้องพูด ต้องทำ อย่างที่เราคิดและต้องการ เมื่อเขาไม่ทำ ไม่พูด หรือไม่เป็นอย่างที่เราหวัง เราจึงผิดหวังและเสียใจ และนั่งเฝ้าถามว่าทำไมสิ่งต่างๆ ถึงเป็นเช่นนี้
เราสร้างขยะเหล่านี้ขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง ถ้าเราเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เหมือนกับที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "You can't change other people, you can only change yourself." เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราเปลี่ยนได้เพียงแค่ตัวเราเอง เพราะฉะนั้นความคาดหวัง ความต้องการของเราที่มีต่อคนอื่น และทำให้เราเกิดความทุกข์ สามารถแก้ไขได้ไม่ยากเพียงแต่รู้จักเปลี่ยนวิธีคิดของเรา เมื่อวิธีคิดของเราเปลี่ยนได้ เราก็สามารถขจัดขยะออกไปจากใจเราได้
ข้อคิดฝากทิ้งท้าย
ที่บ้าน เราเรียนรู้ที่จะให้อภัยกันและกันในครอบครัวหรือไม่ เรารู้จักพูดจาดีๆ ต่อกันหรือไม่ เรารู้จักการให้และการรับแก่กันหรือไม่
ที่ทำงาน เราเรียนรู้ที่จะให้อภัยกันและกันในกับเพื่อนร่วมงานหรือไม่ เรารู้จักพูดจาดีๆ ต่อกันหรือไม่ เรารู้จักการให้และการรับแก่กันหรือไม่ เรารู้จักการไม่เอารัดเอาเปรียบ การไม่แทงข้างหลัง การไม่ขัดแข้งขัดขากันหรือไม่
บนท้องถนน เราเรียนรู้ที่จะให้อภัยกันและกันหรือไม่ เราเรียนรู้ที่จะมีน้ำใจให้แก่กันหรือไม่ เราเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามกฏระเบียบที่มีอยู่หรือไม่
การที่เรามุ่งคิดในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ดี เป็นแนวทางที่เรากำลังมอบความสุขต่อตนเองและคนรอบข้าง เป็นการให้ของขวัญแก่บุคคลอื่น และรับของขวัญจากคนอื่นในทางกลับกัน
จงจำไว้ว่า เราจะไม่มอบขยะให้กับบุคคลอื่น และไม่รับขยะที่ผู้อื่นสร้างให้ เพราะขยะคือสิ่งที่ไม่มีค่า แล้วทำไมเราอยากเก็บสิ่งไม่มีค่าไว้ในใจ
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า http://www.thaihealth.or.th/node/8450
Relate topics
- แนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
- คู่มือการใช้งาน Hosoffice
- คู่มือการใช้งานโปรแกรม HRMS
- อาการผิดปกติทางจิต ไม่ได้หมายถึงโรคจิตเสมอไป
- มาตราฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
- ดูแลสมองไว้ ห่างไกลโรค
- ‘สารพิษ’ ภัยร้ายต่อจิต
- คุณรู้จัก `ออร์แกนิก` ดีแค่ไหน?
- รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสพยาเสพติด
- ต้นอ่อนทานตะวัน แหล่งสารอาหารสุขภาพ