เสพติดมือถือระวัง "โรคด่วนได้

by kadocom @23-6-51 09.12 ( IP : 202...20 ) | Tags : มุมวิชาการ

สาธารณสุข - กรมสุขภาพจิต เตือนใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ บ่มเพาะให้เป็น "โรคด่วนได้" อะไรๆ ต้องรวดเร็วไปหมด รอคอยไม่เป็น ชี้วัยรุ่นใช้มือถือมีเพศสัมพันธ์เร็วกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้แนะให้ลูกมีมือถือได้แต่ต้องเป็นของส่วนกลาง ไม่มีสิทธิ์โหลดรูปภาพ


          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิตให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหนังสือพิมพ์รายวันของสเปนรายงานว่า ผู้ปกครองนำเด็กอายุ 12 ปีเข้ารับการรักษาโรค "เสพติดโทรศัพท์มือถือ" ใน รพ.จิตเวชเป็นรายแรก เนื่องจากขาดมือถือไม่ได้จนไม่เป็นอันเรียนหนังสือ ว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่ชอบพูดชอบคุย อยากสร้างสัมพันธ์ภาพกับเพื่อนจึงพบพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เกินความจำเป็น


            บางคนเสียค่าโทรเดือนละ 10,000-20,000 บาทซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลการใช้โทรศัพท์ของลูกด้วย เพราะมือถือสารถเข้าถึงการดาวน์โหลดรูปภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือยังบ่มเพาะให้เกิดพฤติกรรม "โรคด่วนได้" คือรออะไรไม่เป็น เพราะสามารถส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอสได้ภายในไม่กี่นาทีและได้รับคำตอบกลับมารวดเร็ว ต่างกับสมัยก่อนที่ใช้การเขียนจดหมายต้องใช้เวลารอคอย


          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ด้วยสภาพปัญหาการจราจร บางครอบครัวต้องซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกตั้งแต่ชั้นอนุบาลเพราะใช้ในการนัดหมายจุดที่พ่อแม่มารับ-ส่ง ทั้งนี้หากใช้ด้วยเหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่เสียหาย จึงอยากให้ใช้มือถือเหมือนเป็นของใช้ส่วนกลาง อย่าให้เด็กมีอภิสิทธิ์ในการโหลดภาพ หรือให้เบอร์กับคนนั้นคนนี้จนไม่สามารถควบคุมการใช้ได้


          "เด็กอายุเท่าไหร่ถึงจะมีมือถือได้ คงต้องพิจารณาที่ความเหมาะสมว่า ลูกรู้จักรับผิดชอบได้หรือไม่ต้องไม่กระทบค่าใช้จ่ายการใช้เวลาว่าง สำหรับเด็กวัยอนุบาลคิดว่าไม่สนใจเล่นมือถือ ขณะที่เด็กวัยรุ่นจะสนใจฟังชั่นก์ต่างๆ มากกว่าเด็กเล็ก" นพ.ทวีศิลป์กล่าว และว่า การที่มีพ่อแม่ปรึกษาเรื่องลูกวัยรุ่นติดโทรศัพท์มีมานานแล้ว แต่ไม่มากเหมือนปัจจุบัน เด็กที่ติดโทรศัพท์มือถืออยู่ในช่วงมัธยมศึกษา อายุ 2-3 ขวบยังไม่พบเป็นโรคติดมือถือ


          "ยังมีผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ พบว่ากลุ่มที่ใช้มือถือมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมากกว่ากลุ่มไม่ใช้ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่ามือถือทำให้เด็กและเยาวชนสร้างสัมพันธ์ภาพต่อกันอย่างรวดเร็ว ใกล้ชิดกันจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้" นพ.ทวีศิลป์กล่าว.




ขอบคุณที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ http://www.thaihealth.or.th/node/4723

นายแพทย์ธวัช ลาพินี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล